MJGA Make Japan Great Again กับ พรรค 参政党 (Sanseitō) และนโยบายที่ทำให้คนต่างชาติเริ่มรู้สึกว่า “เราไม่ใช่คนของที่นี่”
ช่วงเลือกตั้งญี่ปุ่นทีไร มักจะมีพรรคใหม่ๆ โผล่ขึ้นมาพูดอะไรแรงๆ เป็นกระแสครับ
ปีนี้ที่น่ามาแรงแซงโค้ง คือพรรค 参政党 (Sanseitō) ที่มาพร้อมกับสโลแกน
“Japanese First” – คนญี่ปุ่นมาก่อน คนอื่นทีหลัง
ฟังแล้วไม่ต้องเดาไกลครับ นี่มัน MAGA ญี่ปุ่นนี่หว่า หรือจะเรียกว่า MJGA Make Japan Great Again (อ่านว่าไงวะ)
🇺🇸 คือ American First ของทรัมป์ หลักๆ ก็ คนอเมริกันต้องได้งานก่อน ต่อต้านต่างชาติ ค้านค้าเสรีและเปิดประเทศ
ประเด็นสำคัญคือ ใช้ความ กลัว และ ความกังวล ในหมู่ชนชั้นกลาง โดยโทษคนต่างชาติและต่างประเทศ ว่า เป็นตัวการที่ทำให้คุณภาพชีวิตคนอเมริกันต่ำลง และงานหายไปจากระบบ (ไปผลิตในประเทศอื่น)
🇯🇵 แล้ว Japanese First ของพรรค Sanseitō คืออะไร?
- บอกว่า “ญี่ปุ่นกำลังสูญเสียตัวตน” เพราะรับอิทธิพลต่างชาติเยอะเกินไป
- ชาวต่างชาติทำให้วัฒนธรรมญี่ปุ่นเจือจาง
- ไม่ควรให้สิทธิพิเศษกับแรงงานต่างชาติ หรือคนที่ไม่ใช่ “ญี่ปุ่นแท้”
- เรียกร้องให้ “คืนความเป็นญี่ปุ่น” ทั้งระบบราชการ การศึกษา และนโยบายรัฐ เพิ่มเนื้อหาความรักชาติในตำรา
พูดตรงๆ ก็คือ มองว่าคนต่างชาติเป็นปัญหา
แล้วพรรคนี้มีที่มาอย่างไร ทำไมถึงได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ?
พรรคก่อตั้งในปี 2020 โดย คามิยะ โซเฮ (ผู้นำคนปัจจุบัน) ซึ่งมีช่อง YouTube "Channel Grand Strategy" ที่มีผู้ติดตามประมาณ 500,000 คน ซึ่งนำเสนอ "มุมมองแบบ Alt-right" เกี่ยวกับการเมืองและประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น รวมถึงโดยยกย่องและปกป้องญี่ปุ่นสมัยจักรวรรดิรุกรานชาติอื่น และการต่อต้าน LGBT และ โลกาภิวัตน์
ตัวคามิยะ ก็เคยเป็นสมาชิกพรรค LDP ครับ แล้วตอนเลือกตั้งปี 2012 นี่ อาเบะ ชินโซ ก็มาช่วยหาเสียงเป็นป๋าดันเต็มที่ เป็นสายเดียวกันในพรรค LDP ครับ
ต่อมาก็พอๆ กับพวก MAGA คือพอมีโควิด ก็ต่อต้านวัคซีน ต่อต้านการใส่หน้ากากอนามัยเหมือนกันเป๊ะ คือก็โทษว่ารัฐต้องการสร้างความกลัวโรคอย่างหนักเพื่อควบคุมคน แล้ววัคซีนก็เป็นแผนการหารายได้มหาศาลของพวกยิว (เป๊ะ)
แล้วพรรคยังเล่นเรื่อง Deep State รัฐพันลึก บอกว่ามี Deep State ในทุกวงการ พรรคจะมาจัดการกับพวกนี้เอง (เหมือนเป๊ะ)
แล้วต่อมา พรรคก็ได้เก้าอี้สภาสูง 1 ที่ในปี 2022 จากบัญชีนรายชื่อ แล้วเลือกตั้งสภาสูงสัปดาห์นี้ น่าจะได้ถึงสองหลักครับ
ทำไมพรรคโตไวขนาดนี้?
ส่วนนึงก็เพราะการตายของ อาเบะ ชินโซ ที่เคยเป็นผู้นำแบบ Strong Man แล้วหลังจากนั้น ทั้งสุกะ คิขิะ รวมถึง อิชิบะ ก็ดูจะคุมพรรค และออกนโยบายที่สร้างความหวังไม่ได้เลย ทำให้คนเบื่อการเมืองอีกรอบ (จากที่เบื่อเพราะ LDP ชนะรัวมาตลอด)
พอเศรษฐกิจไม่โต ค่าแรงไม่ขยับ เงินเยนอ่อน แล้วต่างชาติแห่เข้ามา รวมถึงนักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้เงินหนัก จนคนท้องถิ่นรู้สึกถูกเบียดเบียน (ทั้งนโยบายเงินเยนอ่อน นโยบายท่องเที่ยวนี่ของอาเบะนะครับ)
คนรุ่นใหม่ก็รู้สึกไม่พอใจ ก็ต้องการหาผู้นำที่ดูจะพาพวกเขาออกจากสภาวะแบบนี้ได้
แล้วพรรคก็ใช้สื่อออนไลน์เป็นหลัก มีการจัดไลฟ์เสมอ เข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้ง่าย แล้วการพูดจาอะไรสุดโต่ง ก็ทำให้ได้รับความสนใจได้ง่าย ไวรัลกว่าเดิม พูดผิด เฟคนิวส์ ไม่ค่อยมีใครสนตามเช็คหรอกครับ
ตัวอย่างนึงคือ บอกว่า พวกภาวะความผิดปกติพัฒนาการเนี่ย ไม่จำเป็นต้องจัดการศึกษาพิเศษให้เด็ก ก็โดนด่าสิครับ
เป้าหมายที่ทำให้พรรคได้รับความนิยมสูงคือ ผู้ชายรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่เคยสนใจการเมืองครับ
ก็เป็นเทรนด์ทั่วโลกคือ ผู้ชายรุ่นใหม่ ขวาขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่อเมริกา แต่รวมถึงประเทศอื่นด้วย เพราะหลายคนรู้สึกว่าพื้นที่ตัวเองลดน้อยลง โอกาสลดน้อยลง ผู้หญิงมีพาวเวอร์มากขึ้น LGBTQ เบียดเบียนพวกเขา
พอเจอ Strong Man พูดแบบนี้ ก็ถูกใจสิครับ แล้วยิ่งใช้โซเชียลคล่องๆ แบบนี้ ก็ไหลตามกันไปหมด คอนเซ็ปต์เดียวกันเป๊ะๆ ครับ
ที่ผมคุยกับคนญี่ปุ่นที่รู้เรื่องการเมืองดี เขาก็บอกว่า พรรคนี้แทบจะเป็นลัทธิไปแล้ว เพราะคนไม่ได้ตามพรรค แต่ตามหัวหน้าพรรคื พูดอะไรก็เอาตามหมด คนอื่นในพรรคไม่ได้มีบทบาทอะไร (ส่วนนึงเพราะคนที่จริงจังกับการเมืองกว่าและมีประสบการณ์ ออกจากพรรค หรือถูกขับออกไปหมดแล้ว)
พูดง่ายๆ ก็ หัวหน้าพรรควันแมนโชว์ครับ
แล้วเรื่องการต่อต้านต่างชาติ นี่ก็หาเสียงโดยประโคมว่า "คนต่างชาติได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษในญี่ปุ่น"
ตัวอย่างก็เช่น โจมตีว่าคนต่างชาติได้รับสวัสดิการเป็นพิเศษ ทั้งๆ ที่คนต่างชาติที่ไม่มีโอกาสได้รับสวัสดิการก็เยอะ และแน่นอนว่า ถ้าจะรับสวัสดิการของญี่ปุ่น ก็ต้องจ่ายภาษี จ่ายเงินบำนาญเข้าตามระบบด้วย
แต่เขาก็เอาเรื่องว่า สัดส่วนคนต่างชาติในญี่ปุ่น ได้รับสวัสดิการสูงกว่าชาวญี่ปุ่น เช่นมีสัดส่วนชาวฟิลิปปินส์ที่ได้รับสวัสดิการ สูงกว่าค่าเฉลี่ยของคนญี่ปุ่น ทั้งที่จริงๆ หลายคนต้องรับเพราะหย่าจากสามีชาวญี่ปุ่น แต่ต้องเลี้ยงลูกในญี่ปุ่นเองต่อ
หรือโจมตีว่าชาวเกาหลีในญี่ปุ่น (ไซนิจิ) ที่รวมทั้งเหนือและใต้ ได้รับสวัสดิการเป็นสัดส่วนสูง แต่จากการเช็คของ Asahi ก็พบว่า ที่ดูเหมือนได้ตอนนี้กันเยอะ ก็เพราะเคยถูกกีดกันมาก่อนครับ
ถ้าจะเอาเรื่องนี้จริงๆ แบบเงินบำนาญเน็งคินนี่ คนต่างชาติทำงานญี่ปุ่น ก็ต้องจ่ายเข้าระบบ แต่พอกลับประเทศ ก็ไม่ได้คืนนะครับ เพิ่งปรับระบบมาให้ยื่นขอคืนได้ไม่นานนี่เอง ถามคนไทยที่เคยทำงานในญี่ปุ่นได้ครับ
ส่วนเรื่องบอกว่า เพราะต่างชาติทำให้อาชญากรรมสูงขึ้น อันตราย แต่จริงๆ อัตราอาชาญกรรมญี่ปุ่นก็ลดลงเรื่อยๆ ตั้งแต่ยุคปี 2000
นอกจากนี้ ก็มีสมาชิกพรรคโจมตีการประปาจังหวัดมิยากิ ว่าโอนสัมปทานให้ต่างชาติมาบริหาร ค่าน้ำแพง ทั้งๆ ที่ทางรัฐออกมาแจ้งว่า ไม่เป็นความจริง ให้บริษัทเอกชนจัดการ แต่ไม่ใช่บริษัทต่างชาติ ซึ่งสมาชิกพรรคก็ตอบว่า "ขอไปเช็คข้อมูลอีกรอบก่อน" คืออยากพูดอะไรก็พูดอ่ะครับ
ส่วนเรื่อง LGBTQ ก็คือ ต้องการจำกัดสิทธิต่างๆ รวมถึงห้ามส่งเสริมความเข้าใจชาว LGBTQ ด้วย
นี่เพิ่งอ่านเจอใน Online Station ว่าจะควบคุมอนิเมะ มังงะ ให้บริสุทธิ์ แล้วใช้เป็นอาวุธในการส่งออกเผยแพร่วัฒนธรรมญี่ปุ่น "ที่เหมาะสม" สู่ต่างชาติ
คือไอ้เรื่องพวกการต่อต้านต่างชาติเนี่ย ก็พอเข้าใจได้ เรื่องการเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะทุนจีน ทำให้คนท้องถิ่นลำบาก อันนี้เป็นกันหลายประเทศ
แต่แทนที่จะไปโจมตีตรงนั้น ดันมาหาเรื่องกับเป้าหมายที่อ่อนแอกว่าแบบเรื่องสวัสดิการ แล้วโหมกระแสต่อต้านต่างชาติ
ยังดีที่คนญีปุ่นส่วนใหญ่ก็เข้าใจว่า ญี่ปุ่นก็ขาดคนต่างชาติไม่ได้ ไม่อย่างนั้นระบบหยุดแน่นอน เพราะแรงงานต่างชาติในญี่ปุ่นเยอะมากที่ทำงานที่คนญี่ปุ่นไม่อยากทำ งาน 3K ทั้งหลาย
รวมถึงคนต่างชาติที่ชอบญี่ปุ่น มาเที่ยวญี่ปุ่น ก็ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้เยอะมาก เพราะตอนนี้ประเทศญี่ปุ่นได้รายได้จากการท่องเที่ยวเยอะมาก
เพียงแต่มันเป็นของใหม่ในสังคมญี่ปุ่น ก็มีการกระทบกระทั่งกัน ตามประสาคนละวัฒนธรรม แต่จะมาตีให้เป็นเรื่องใหญ่ปิดประเทศนี่ก็ไม่ใช่ล่ะครับ
แน่นอนว่า คนต่างชาติที่อาศัยในญี่ปุ่น รวมถึงผมด้วย ก็ไม่พอใจล่ะครับ คือทำงาน หาเงินจ่ายภาษีเหมือนกัน แล้วทำไมกลายเป็นเป้าหมายแบบนี้ หลายคนทำงานลำบากที่คนญี่ปุ่ยไม่อยากทำ ช่วยให้สังคมเดินหน้าไปได้ กลับมาโดนดูถูกแบบนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องล่ะครัล
สื่อญี่ปุ่นก็มองว่า การเลือกตั้งสภาสูงครั้งนี้ จัดเป็นทางแยกของสังคมญี่ปุ่นอีกครั้ง ว่าต่อไปจะเดินไปทางไหน
ถ้าต่อต้านกีดกันคนต่างชาติ การลงทุนก็อาจจะลดลง และคนทำงานในระบบก็จะหายไป ทำให้ปัญหาสังคมสูงอายุหนักขึ้นกว่าเดิม กลับมาทำร้ายญี่ปุ่นเอง
ที่น่ากลัวคือ พรรคใหญ่แบบ LDP จะเลือกหันขวามากขึ้น เพื่อดึงคะแนนเสียงกลับมาจาก Sanseitō หรือไม่ หลังจากพยายามดึงกลับมาทางสายกลางขึ้นจากการเลือก อิชิบะ เป็นหัวหน้าพรรค ไม่ใช่สายตรงของอาเบะแบบทาคาอิจิ
ญี่ปุ่นกำลังเผชิญหน้ากับทางเลือกที่สำคัญว่าจะจัดการกับประเด็นการเข้าเมืองและกระแสชาตินิยมที่เพิ่มขึ้นนี้อย่างไร ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออนาคตทางเศรษฐกิจ สังคม และประชาธิปไตยของประเทศต่อไปครับ
ข้างบน โหมดจริงจัง ตามสไตล์เพจแบบได้สาระก่อน ส่วนจากนี้ ถือว่าฟังผมบ่นแบบมาจากอินเนอร์ล่ะกันครับ
----------
อยม ที่ไม่ได้ย่อจาก โอ้วเยี่ยมมาก คือ คนแบบผมนี่แอนตี้สาย MAGA อยู่แล้ว แล้วพอเจอแบบนี้ในญี่ปุ่นก็เซ็งครับ คือบอกตรงๆ ว่า พวกที่เห็นด้วยกับอะไรแบบนี้ คือกลุ่ม ขวาในเน็ต ซะเป็นส่วนใหญ่ คือพวกนี้ฝังรากในเว็บบอร์ดญี่ปุ่นมานาน แล้วพอมีหัวหอกทะลวงออกมาแบบนี้ ก็ได้ใจสิครับ
ปกติพวกนี้ก็อยู่ในเน็ตเป็นหลักนั่นล่ะครับ เจอตัวจริงๆ ก็ไม่กล้าอะไรหรอก ถ้าไม่ทำอะไรแบบนิรนามก็คงไม่กล้า แล้วก็ไม่แปลกใจที่พวกนี้จะหาคนอื่นมาเป็นแพะรับบาป เพื่อโทษว่าชีวิตตัวเองแย่ เพราะคนอื่นแน่นอน คอยหาคนอ่อนแอกว่าแล้วโจมตีคนเหล่านั้น เพราะตัวเองทำอะไรดีกว่านั้นไม่ได้แล้ว
ไม่แปลกที่เวลามีเรื่องคนต่างชาตินิดหน่อย พวกนี้จะรีบหาข้อโจมตีทันที อย่างที่ผมเคยเขียนเรื่องที่โจมตีมุสลิมในญี่ปุ่นแบบใส่ความ หรือเรื่องเกม Assassins' Creed Shadows ที่เพจไทยหรือกรุ๊ปไทย ชอบเอาคอมเมนต์พวกขวาในเน็ตญี่ปุ่น มาโควต จะได้โจมตีมุสลิม จะได้โจมตีคนผิวดำ จะได้โจมตีค่ายเกม ได้ด่า LGBTQ เอาสะใจ หัวเราะคิกคักสนุกกัน
แต่พวกขวาในเน็ตไม่ได้แค่ด่ามุสลิม หรือคนผิวดำ แบบที่คนไทยชอบเอาไปแชร์สิครับ เวลาด่า หรือกีดกัน มันกีดกันทั้งหมด เพราะคนต่างชาติ "ทั้งหมด" คือปัญหาในสายตาพวกนี้ครับ ถึงขนาดออกมาพูดเป็นนโยบายจริงๆ จังๆ เพจไทยนี่ไม่เคยสนหรอกครับ เพราะไม่เกี่ยวแล้ว แต่คนต่างชาติที่อยู่ที่นี่ ต้องเจออะไรบ้าง แต่อืม คงไม่เกี่ยวกันจริงๆ เพราะไม่ลำบากคนที่ไทยนี่ครับ ก็ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรอยู่แล้ว ขอแค่ได้ยอดไลค์ ยอดแชร์ก็พอ
ก็น่าเสียดายอยู่ที่สภาพเศรษฐกิจ ทำให้คนญี่ปุ่นรุ่นใหม่มีทัศนคติแบบนี้ ถ้าเทียบกับซัก 20-30 ปีก่อน วัยรุ่นญี่ปุ่นก็ออกเดินทางไปที่นั่นที่นี่เยอะมาก แบบที่เราเห็นคนญี่ปุ่นเซอร์ๆ เดินข้าวสารกันกันเยอะๆ ไปที่ไหนก็เจอแบ๊คแพ๊คเกอร์ญี่ปุ่น พวกนี้เปิดกว้างกว่าแล้วคุยสนุกมากครับ แต่พอไม่มีโอกาสได้ออกไปเปิดโลก แล้ววันๆ อยู่แต่ในเน็ตคุยกับพวกเดียวกัน ก็กลายเป็นงี้ล่ะครับ โทษคนอื่นไปเรื่อย แต่ตัวเองไม่ได้พยายามทำอะไรให้มันดีขึ้น
เขียนแบบนี้ก็จะมีคอมเมนต์ชาว รักญี่ปุ่นชิบหาย บอกว่า ญี่ปุ่นไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไร แบบนี้ดีแล้ว คนต่างชาตินี่แหละตัวปัญหา ญี่ปุ่นต้องรักษาความเป้นญี่ปุ่นเต็มที่ เหมือนเป็นประเทศพิเศษ อยู่ใน simulator ไม่ต้องยุ่งกับโลกภายนอกอะไร แต่ลืมไปว่า อวยญี่ปุ่นแค่ไหน แต่พวกนี้เขาก็ไม่ได้รักต่างชาติอยู่ดีอ่ะครับ ก็เป็นงงๆ อยู่กับความเบียวรักจักรวรรดิญี่ปุ่น ญี่ปุ่นกว่าคนญี่ปุ่นอีกมั้ง
สั้นๆ ไม่รู้จะว่าไงกับกระแสการเมืองตอนนี้ ก็ได้แต่คิดว่า ห่าเอ๊ย ครับ